ทฤษฎีมนุษยนิยม (Humanism) ในการจัดการศึกษา

ทฤษฎีมนุษยนิยม (Humanism) ได้รับการพัฒนามาจากทฤษฎีกลุ่มที่เน้นการพัฒนาตามธรรมชาติ แต่จะมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น และเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น โดยคำว่า Humanism เอง ก็ตรงกับความหมายในภาษาไทยว่า การเห็นอกเห็นใจ ดังนั้น บทบาทหลักของครูในการจัดการศึกษาตามทฤษฎีนี้ คือต้องมีการดูแลและอำนวยการความสะดวกแก่นักเรียน และมองนักเรียนเป็นจุดศูนย์กลางการเรียนรู้ นั่นเอง

ทฤษฎีมนุษยนิยม

ADVERTISEMENT

แนวคิดของ ทฤษฎีมนุษยนิยม

ทฤษฎีและแนวทางการศึกษานี้มีรากฐานมาจากจิตวิทยาความเห็นอกเห็นใจ โดยมีแนวคิดหลักที่มุ่งเน้นไปที่ความคิดที่ว่าเด็กเป็นแกนหลักที่ดี และการศึกษาควรเน้นที่วิธีการที่มีเหตุผลในการสอนเด็ก “ทั้งหมด” ทฤษฎีนี้ระบุว่านักเรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ และควรตอบสนองทุกความต้องการเพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ได้ดี อีกทั้งแนวทางทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางสังคม ความรู้สึก สติปัญญา ทักษะทางศิลปะ ทักษะการปฏิบัติ และอื่นๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ความนับถือตนเอง เป้าหมาย และความเป็นอิสระอย่างเต็มที่เป็นองค์ประกอบการเรียนรู้ที่สำคัญในทฤษฎีการเรียนรู้แบบมนุยนิยม

แนวคิดเรื่องการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางเป็นตัวอย่างในการดำเนินการของทฤษฎีการเรียนรู้มนุษยนิยม ทั้งยังเป็นประโยชน์สำหรับนักการศึกษาทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการศึกษาที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลางและแนวทางแบบมนุษยนิยมอื่นๆ เพื่อใช้ในห้องเรียน ซึ่งวิธีการเหล่านี้มีความสำคัญในการช่วยให้นักเรียนเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการศึกษาอย่างแท้จริง 

หลักการของทฤษฎีการเรียนรู้แบบมนุษยนิยม

มีหลักการสำคัญหลายประการที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีการเรียนรู้แบบมนุษยนิยม ซึ่งนำไปสู่การตระหนักรู้ในตนเอง

1. ทางเลือกของนักเรียน การเลือกเป็นศูนย์กลางของทฤษฎีการเรียนรู้มนุษยนิยม และจิตวิทยาความเห็นอกเห็นใจ การเรียนรู้แบบมนุษยนิยมมีนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นนักเรียนควรได้รับการสนับสนุนให้ควบคุมการศึกษาของตนเอง ครูที่ใช้การเรียนรู้แบบมนุษยนิยม จะทำให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของพวกเขา และนั่นก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อนักเรียนเลือกเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาต้องการเรียนรู้จริงๆ 

2. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ประสิทธิผลของแนวทางจิตวิทยานี้ขึ้นอยู่กับผู้เรียนที่รู้สึกมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจในตนเอง ดังนั้นพวกเขาต้องการเรียนรู้ การเรียนรู้แบบมนุษยนิยมจึงต้องอาศัยครูที่สอนและดึงความสนใจนักเรียน กระตุ้นให้พวกเขาค้นหาสิ่งที่พวกเขาหลงใหลเพื่อให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับการเรียนรู้ 

3. เน้นการประเมินตนเอง สำหรับครูผู้สอนแบบมนุษยนิยมส่วนใหญ่ มองว่าเกรดไม่ใช่เรื่องสำคัญเสมอไป การประเมินตนเองเป็นวิธีที่มีความหมายที่สุดในการประเมินว่าการเรียนรู้ดำเนินไปอย่างไร การให้คะแนนนักเรียนก็จะกระตุ้นให้นักเรียนทำงานเพื่อคะแนน แทนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ตามความพึงพอใจและความตื่นเต้นในการเรียนรู้ของตนเอง การเรียนแบบท่องจำเพื่อสอบไม่ได้นำไปสู่การเรียนรู้ที่มีความหมายในทฤษฎีนี้ ดังนั้น ครูแบบมนุษยนิยมจะช่วยนักเรียนทำการประเมินตนเองเพื่อให้พวกเขาเห็นว่าตนเองรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความก้าวหน้าของพวกเขา

4. ความรู้สึกและความรู้มีความสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ และไม่ควรแยกจากกัน ครูแบบมนุษยนิยม เชื่อว่าความรู้และความรู้สึกเป็นของคู่กันในกระบวนการเรียนรู้ การเรียนรู้ทางปัญญาและการเรียนรู้ด้วยอารมณ์มีความสำคัญต่อการเรียนรู้แบบมนุษยนิยม บทเรียนและกิจกรรมควรเน้นที่นักเรียนทั้งหมดรวมถึงสติปัญญาและความรู้สึกของพวกเขา ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง

5. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ปลอดภัย เนื่องจากการเรียนรู้แบบมนุษยนิยมมุ่งเน้นไปที่นักเรียนทั้งหมด การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย จะทำให้นักเรียนมีสมาธิกับการเรียนรู้ และตอบสนองความต้องการของนักเรียนได้มากขึ้น

นักทฤษฎีการศึกษากลุ่มมนุษยนิยม ได้แก่

Abraham Harold Maslow (ค.ศ.1908–1970) – นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน

Carl Ransom Rogers (ค.ศ.1902–1987) – นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน

James Frederick Thomas Bugental (ค.ศ.1915–2008) – นักบำบัด อาจารย์ และนักเขียนชาวอเมริกัน

ติดตามเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ​

  TRENDING
4 วิธีในการพัฒนา “ทักษะการสื่อสาร” ที่มีประสิทธิภาพ
17 hours ago
ลองโควิด คืออะไร? สาเหตุและวิธีรับมือ
2 days ago
การเขียนอ้างอิงบรรณานุกรม
5 days ago
เปลี่ยนถ่านรีโมทรถยนต์ ยี่ห้อต่างๆ ใช้ถ่านรุ่นไหน เบอร์อะไร?
6 days ago
วิธี จุดเตาถ่าน ให้ติดไฟอย่างรวดเร็ว
1 week ago
Next
Prev