4 พฤติกรรมที่จะเพิ่ม “ประสิทธิภาพการทำงาน” ให้เรามหาศาล

อ่านหัวข้อปุ๊บ..หลายคนคงพบเจอวิธีอะไรทำนองนี้มาบ้าง จะมากจะน้อยแล้วแต่ ซึ่งการค้นหาเทคนิคเพิ่ม “ประสิทธิภาพการทำงาน” ดูผิวเผินแล้ววิธีการเหล่านี้ก็อาจเป็นอะไรที่ไม่ได้แปลกใหม่ และปฏิบัติตามได้แบบไม่ยากเย็นอะไร แต่ที่อยากจะยกเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะว่า ถึงมันจะไม่ใช่วิธีที่ยากเย็นอะไร แต่กระผมเองก็เลือกจะมองข้ามมันไป และไม่ได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในชีวิตอย่างจริงๆ จังๆ เสียที

ยอมรับว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเวลาว่างที่มากขึ้นจากการปรับเปลี่ยนการทำงานมาเป็น Work from home และการเรียนการสอนออนไลน์ ซึ่งทำให้ค่อนข้างสามารถที่จะควบคุมและออกแบบกิจวัตรประจำวันของตนเองได้เกือบทั้ง 24 ชั่วโมง ตอนนั้นกระผมบอกตัวเองว่า นี่มันชีวิตในฝันเลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางและไม่ต้องออกไปไหนมาไหน ชีวิตก่อนหน้านี้ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานอันที่สุดจะ Overload และโหยหา Extra time อยู่ตลอดเพราะ 24 ชั่วโมงที่มีอยู่ทำไมมันน้อยเหลือเกิน และตอนนี้ Extra time ที่เราเรียกหามันมาถึงแล้วหล่ะ ได้เวลาสะสางสิ่งต่างๆ สร้างความ Productive ขจัดความยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้ สิ่งที่อยากทำแล้วไม่มีเวลา คงจะได้เวลารีเซตสิ่งเหล่านี้และเริ่มต้นใหม่เสียที…

ประสิทธิภาพการทำงาน

อย่างไรก็ตาม อยู่ๆทุกอย่างที่ดูเหมือนกำลังจะไปได้ดี กลับหยุดชะงักไปเฉยๆ เหมือนรถที่กำลังขับไปได้สักพักแล้วตกหลุมขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพการทำงานของกระผมเริ่มติดขัด และค่อยๆหยุดนิ่ง ทุกอย่างดูน่าเบื่อไปหมด กระผมแทบจะไม่เข้าใกล้หรือเดินไปเฉียดโต๊ะทำงานเลยแม้แต่วันเดียว โดยกระผมจะขอใช้คำเรียกแทนสภาวะนี้ด้วยคำว่า “ไม่เกิดงาน” แล้วกันนะครับ เป็นเวลาหลายเดือนที่กราฟการทำงานของกระผมแทบจะหยุดนิ่ง จมดิ่งไปในสภาวะที่ไม่เกิดงาน ไม่สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ละวันใช้เวลาไปกับการเล่นเกมและดูซีรี่ส์ และในขณะเดียวกัน สภาวะไม่เกิดงาน ก็เริ่มส่งผลกระทบที่มากขึ้นเนื่องจากรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจนมากกว่ารายได้

ดังที่กล่าวไปแล้วว่ากระผมได้วางแพลนดีๆ มากมายไว้สำหรับเวลาว่างเหมาะๆดังเช่นเวลานี้ ทั้งงานสำคัญที่จำเป็นต่อการต่อยอดทางอาชีพ งานที่ต้องใช้สมาธิสูง และการพัฒนาทักษะใหม่ๆแก่ตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงเลย ทุกอย่างพังและล้มลงเป็นโดมิโน กระผมปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเกือบๆ 6 เดือน แต่ในที่สุด กระผมก็พบความกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วยวิธีการที่แสนจะง่ายมากๆ แต่เป็นการฝึกฝนจิตใจเกี่ยวกับความคิดและทัศนคติ และนี่คือนิสัย 4 พฤติกรรมที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณแบบทวีคูณได้อย่างง่ายดาย บอกลาสภาวะ “ไม่เกิดงาน” เขียนไว้โดยคุณ Shahid Chap

1. กฎ 5 วินาที — พลังในการเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงาน ของคุณ ก็คือ ตัวคุณ

“ว่ากันว่าชีวิตในฝันที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ หรือชีวิตที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงของคุณ ขึ้นอยู่เพียงแค่การตัดสินใจครั้งเดียว และเชื่อหรือไม่ว่ามันอยู่ห่างจากคุณเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น”

ทันทีที่คุณมีสัญชาตญาณที่อยากจะทำตามเป้าหมาย คุณต้อง 5 4 3 2 1 และขยับเขยื้อนร่างกายทันที ไม่เช่นนั้นสมองของคุณจะต่อต้าน และเกลี้ยกล่อมคุณด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นข้ออ้าง เพื่อไม่ให้คุณทำสิ่งนั้น คุณสามารถใช้กฎ 5 วินาทีเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม ความคิด หรือแม้กระทั่งเพื่อเลิกสงสัยในตัวเองและสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น

สร้างวันที่มีประสิทธิผลสูง (Super-productive Day) ด้วยการวางแผนในคืนก่อนหน้า

หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการสร้างวันที่มีประสิทธิผลสูง โปรดักทีพมากๆ พร้อมลุยงานจัดเต็ม จะต้องเตรียมตัวในตอนเช้า คำตอบนั้นผิดไปเยอะเลยครับ จริงๆแล้ว คุณต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนเข้านอนต่างหาก

ก่อนเข้านอน ให้เขียนแผนการสอน รายการงานการประชุม และงานทั้งหมดสำหรับวันพรุ่งนี้ และเลือก 3 อันดับแรกจากทั้งหมดมา และทำงานตามลำดับจากมากไปน้อยโดยใช้เทคนิคการบล็อกเวลา (Time Blocking Technique) โดยการบล็อกเวลาเป็นวิธีการวางแผนที่แบ่งวันของคุณออกเป็นช่วงเวลาเล็กๆ คุณมุ่งความสนใจไปที่งานเดี่ยวหรืองานทั้งกลุ่มก้อนที่เกี่ยวข้องกันในแต่ละช่วงของเวลา มีขั้นตอนที่ตรงไปตรงมามากกว่า และจะแตกต่างจากวิธีกำหนดรายการสิ่งที่ต้องทำ (To-Do List) การบล็อกเวลาจะบอกคุณว่าต้องทำอะไรและต้องทำเมื่อใดนั่นเอง


2. ยิ่งไปทำงานเช้าเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการทำงาน จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดระบุว่า การนอนไม่หลับมีส่วนทำให้เกิดความผิดพลาดในที่ทำงานมากกว่า 2 แสนครั้งในแต่ละปี และต้องโดนปรับเงินจากนายจ้างรวมกันสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาทต่อปี

ทำไมคุณควรเข้านอนเร็ว และพักผ่อนให้เพียงพอ?

  • เมื่อคุณเหนื่อยล้า คุณจะจำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ไม่ได้
  • เมื่อคุณหมดแรง อารมณ์ของคุณจะไม่เสถียร
  • การอดนอนจะบั่นทอนการตัดสินใจของคุณ
  • การอดนอนจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
  • เมื่อคุณพักผ่อนไม่เพียงพอ สุขภาพของคุณก็จะแย่ลง
  • เมื่อคุณเหนื่อยล้า ประสิทธิภาพการทำงานของคุณก็จะลดลง
  • ความเหนื่อยล้าจะบั่นทอนความสามารถในการจัดการกับความเครียด

3. ควบคุมพลังของบิ๊กโม (Big Mo)

“วัตถุจะเคลื่อนที่ต่อไปจนกว่าจะมีบางสิ่งมาหยุดโมเมนตัมของมัน” ใช่แล้วครับ กฎการเคลื่อนที่ ข้อที่ 1 ของนิวตัน คนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นคนที่กำลังเข้าสู่เส้นทางแห่งประสบความสำเร็จนั้น จะคอยฉีกหนีและทิ้งห่างคู่แข่งและคนที่กำลังไล่ตามอยู่ไปเรื่อยๆ และจบลงด้วยการประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง
และในทางกลับกัน โมเมนตัมนี้ใช้ได้กับทั้งสองข้างของสมการ มันสามารถช่วยให้คุณประสบความสำเร็จหรือทำร้ายตัวคุณเองได้เช่นกัน เพราะพฤติกรรมเชิงลบรวมเข้ากับกฎแห่งโมเมนตัมนี้จะนำคุณไปสู่สถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างที่กระผมได้ประสบพบเจอมานั่นเอง

จะสร้างบิ๊กโมให้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สร้างตัวเลือกใหม่ ลงมือปฏิบัติ ทำให้เป็นกิจวัตร และจงสม่ำเสมอกับตัวเลือกนั้นๆ


4. ลดการเสพสื่อโซเชี่ยลมีเดียเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงาน

มันเปิดหูเปิดตาให้เราเป็นคนทันโลกทันเหตุการณ์ก็จริง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็กลายเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านี้
McCombs School of Business แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน กล่าวว่า ผู้ที่เสพติดสมาร์ทโฟน มีฐานะยากจนกว่าคนที่ไม่เสพติดสมาร์ทโฟน ในขณะเดียวกัน RescueTime ก็ยังเผยว่า คนทั่วโลกจับโทรศัพท์เฉลี่ยสูงถึง 58 ครั้งต่อวัน

ความสามารถในการรับรู้จะลดลงอย่างมากเมื่อสมาร์ทโฟนอยู่ในระยะเอื้อมถึง แม้ว่าจะปิดเครื่องโทรศัพท์แล้วก็ตาม
ยิ่งคุณอยู่ห่างจากสื่อได้มากเท่าไร คุณก็ยิ่งมีประสิทธิผลมากขึ้นเท่านั้น


เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเนื้อหาที่นำมาบอกเล่าให้กับทุกคนในเรื่องนี้ คิดเห็นอย่างไรก็สามารถคอมเม้นท์มาบอกเล่า ให้ฟังกันได้เลยนะครับ

ติดตามคอนเท้นท์ Productivity ทั้งเรื่องการค้นหาตัวเอง พัฒนาตัวเอง สร้างแรงบันดาลใจ และอื่นๆอีกมากมาย คลิ๊ก

นอกจากนี้คุณยังสามารถติดตามเพิ่เติมได้ที่ช่องทาง Facebook คลิ๊ก