“One for the road” ชื่อหนังคือสะดุดมาก โดยส่วนตัวชอบประโยคนี้มานานแล้ว ซึ่งมีความหมายในเชิงสำนวนว่า “แก้วสุดท้ายก่อนกลับบ้าน” ได้ยินสำนวนนี้ครั้งแรกสมัยเรียนป.ตรี ผ่านเพลงที่มีชื่อเดียวกันว่า “One for the road” ที่มีท่อนโซโล่ที่เท่ห์มาก ๆ จากศิลปินวงโปรดของกระผมในยุคนั้นอย่าง Arctic Monkeys
One for the road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ภาพยนตร์ไทยโดยบาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ (ฉลาดเกมส์โกง: Bad Genius) ที่จะนำมารีวิวในวันนี้ (Review) เป็นการทำงานร่วมกันกับผู้กำกับมากประสบการณ์ชาวฮ่องกงอย่าง หว่อง กาไว (Wong Kar-wai) เข้าฉายครั้งแรกใน เทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ (Sundance) เมื่อเดือนมกราคม 2021 และเข้าฉายในไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2022 มีความยาว 2 ชั่วโมง 10 นาที
ทำไมถึงน่าดู?
หนังเรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง 2 ยอดผู้กำกับระดับเอเชีย คนหนึ่งคือผู้กำกับไทยดาวรุ่งพุ่งแรง และอีกคนคือผู้กำกับฮ่องกงชั้นครูมากประสบการณ์ ร่วมด้วยเหล่านักแสดงชั้นนำของไทย นำโดยพระเอกหนุ่มมากฝีมืออย่างต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร; ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์; วี-วิโอเลต วอเทียร์; นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา; พลอย หอวัง และออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง
หนังเรื่องนี้ยังได้ แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข มาร้องเพลงประกอบร่วมกับวี-วิโอเลต วอเทียร์นักแสดงนำในเรื่อง ในเพลง “ถ้าเธอ” ซึ่งเพลงนี้ยังมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่ไพเราะไม่แพ้กันในชื่อ “Nobody knows” โดยความหมายโดยรวมของทั้งสองเวอร์ชั่น เรียกได้ว่า ทุกคำร้องและท่วงทำนอง ถูกแต่งขึ้นเพื่อหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง

ความรู้สึกหลังดู One for the road
มุมมองของเราในฐานะคนดู เมื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว โอเค ก็พอจะรู้พล็อตเรื่องมาบ้างคร่าว ๆ จาก Teaser แต่พอเข้าไปดูในโรงจริง ๆ แล้ว ด้วย Mood & Tone ของหนัง ซาวน์ประกอบที่ใช้ และปมตัวละครต่าง ๆ มันยิ่งทำให้อินเข้าไปอีก นักแสดงทุกคนในเรื่องตีบทแตก เล่นได้สมบทบาทมาก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของแต่ละตัวละครในต่างช่วงเวลา ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ๆ ตั้งแต่ร่างกายที่ทรุดโทรมลงของอู๊ด ไปจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างสำเนียงการพูดอังกฤษของพริมที่เปลี่ยนไปหลังอยู่ต่างประเทศมานาน
หนังพาเราไปสำรวจตัวละครต่าง ๆ ผ่านการเดินทางแบบโรดทริป (Road Trip) ในขณะเดียวกัน หนังก็เหมือนจะให้ได้สำรวจอดีตของตัวเองตามไปด้วย ผ่านมุมมองที่ว่า หากช่วงเวลาสุดท้ายของเราใกล้เข้ามา เราอยากใช้ช่วงเวลานั้นกับใคร และอยากจะทำอะไร แต่ที่รู้สึกประทับใจคือ หนังมีการเล่าเรียงเหตุการณ์ในเรื่องให้เหมือนส่วนผสมต่าง ๆ ในค็อกเทล 1 แก้ว ชีวิตของแต่ละคน ต่างผ่านอะไรมาไม่เหมือนกัน จึงย่อมมีรสชาติต่างกัน และส่งผลมาถึงความคิดและการกระทำของตัวละคร
“One for the road เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องที่ไม่อยากดู Teaser เยอะ อยากเข้าไปสัมผัสทีเดียวแบบเต็ม ๆ ในโรง แถมเพลงประกอบก็เพราะมาก ทำให้ต้องฟังซ้ำ ๆ วนไปจนร้องได้วันที่ไปดูหนัง”
แก้วสุดท้ายก่อนกลับบ้าน...
นอกจากนี้ หนังก็ไม่ได้เล่าแค่แง่มุมความรักของตัวพระ-นางเป็นหลัก แต่ยังสอดแทรกประเด็นครอบครัว สภาพสังคม การใช้ชีวิตในต่างแดน และวาระสุดท้ายก่อนจากโลกนี้ไป ส่วนใครที่เตรียมทิชชู่ไปเพื่อเตรียมร้องไห้แบบน้ำตาท่วมจอ อาจจะผิดหวังนิดหน่อย เพราะหนังไม่ได้เศร้าและเล่นกับความรู้สึกคนดูขนาดนั้น แต่หนังให้ความอิ่มเอม อบอุ่น และการเข้าใจชีวิตกลับมาแทน สำหรับกระผมเรื่องนี้ให้คะแนนเลยที่ 9.5/10

“ค็อกเทลก่อนกลับบ้านแก้วสุดท้ายจะมีรสชาติยังไง? หากบ้านที่ต้องกลับคราวนี้ เป็นการจากไปชั่วนิรันดร์” ใครที่ยังไม่ได้ดู อย่ารอช้า ดูหนังเรื่อง One for the road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์