
Noom Atthachai
A Government Teacher
Master | Chulalongkorn University
Bachelor | Silpakorn University
A Government Teacher
Master | Chulalongkorn University
Bachelor | Silpakorn University
สาเหตุที่ทำให้ รถสตาร์ทไม่ติด ไฟหน้าปัดขึ้น การที่รถสตาร์ทไม่ติด ไฟหน้าปัดขึ้นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง หรือหน้าปัดกระพริบ มีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้างและควรทำอย่างไรเมื่อประสบปัญหาเหล่านี้ แม้จริงแล้วๆอาการรถสตาร์ทไม่ติดอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่อย่างไรก็วันนี้กระผมได้รวบรวมสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา “รถสตาร์ทไม่ติด” ที่พบกันเป็นประจำมักเป็นเพราะสิ่งเหล่านี้ และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ก่อนจะนำรถไปเช็คโดยละเอียดที่ศูนย์ซ่อม
หากรถของคุณมีอาการแบตหมด รถยนต์จะมีอาการสตาร์ทไม่ติด ซึ่งก็อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย รวมถึงไดชาร์จเสีย ซึ่งไดชาร์จทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่รถกำลังวิ่ง นอกจากนี้การเปิดไฟหน้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ทิ้งไว้ในขณะจอดรถก็อาจทำให้ รถสตาร์ทไม่ติด ได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ที่เพิ่งหมดอายุการใช้งาน หรือที่เรียกว่า แบตเสื่อม นั่นเอง
มอเตอร์สตาร์ท มีหน้าที่ในการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อคุณสตาร์ทรถ หากขัดข้อง รถจะสตาร์ทไม่ติด โดยสัญญาณที่บ่งบอกมอเตอร์สตาร์ทผิดปกติ ได้แก่ เสียงก่อนเครื่องยนต์จะติดเมื่อคุณบิดกุญแจที่สวิตช์กุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทสำหรับรถรุ่นใหม่ เสียงบดเมื่อสตาร์ทรถ หรือไม่มีเสียงดังเลยเมื่อบิดกุญแจ
หากรถยนต์ของคุณมีปัญหากับระบบเชื้อเพลิง รถก็จะสตาร์ทไม่ติดเช่นกัน อาจเกิดขึ้นได้เพราะไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงอุดตัน ซึ่งขัดขวางไม่ให้น้ำมันเชื้อเพลิงไปถึงเครื่องยนต์ หรือปั๊มเชื้อเพลิงทำงานผิดพลาด ซึ่งทำหน้าที่สูบน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังไปยังเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังอาจรวมถึงปัญหาเกี่ยวกับท่อเชื้อเพลิงซึ่งทำหน้าที่ส่งเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์
ระบบจุดระเบิด มีหน้าที่ส่งประกายไฟไปยังหัวเทียน ซึ่งจะไปจุดเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ หากระบบจุดระเบิดทำงานไม่ถูกต้อง รถจะสตาร์ทไม่ติด ซึ่งอาจเกิดจากหัวเทียนชำรุด สวิตช์จุดระเบิดเสียหาย หรือปัญหาเกี่ยวกับคอยล์จุดระเบิด
หากต้องการให้ช่างวินิจฉัยรถยนต์ของคุณ คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. ค้นหาช่างหรือร้านซ่อมที่มีชื่อเสียงในพื้นที่นั้นๆ คุณสามารถขอคำแนะนำจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้จัก รวมถึงหาจากรีวิวต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต
2. ติดต่อช่างหรือร้านซ่อมและอธิบายปัญหาที่คุณประสบกับรถของคุณ ให้รายละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่ออธิบายถึงอาการและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ของคุณ และเวลาที่เกิดปัญหาขึ้นเป็นครั้งแรก
3. นัดหมายกับช่างหรือร้านซ่อมเพื่อนำรถของคุณเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ช่างเครื่องบางรายอาจเสนอบริการวินิจฉัยโดยมีค่าธรรมเนียม ในขณะที่บางรายอาจรวมบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานซ่อม
4. นำรถของคุณไปให้ช่างหรือร้านซ่อมตามเวลาที่กำหนด อย่าลืมนำเอกสารที่เกี่ยวข้องไปด้วย เช่น คู่มือการใช้รถหรือบันทึกการบำรุงรักษา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไม จะควรพกเอกสารเหล่านี้ติดรถไว้เสมอ
5. ช่างจะทำการทดสอบการวินิจฉัยรถของคุณเพื่อหาสาเหตุของปัญหา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์พิเศษเพื่อทดสอบระบบและส่วนประกอบต่างๆ ของรถคุณ
6. เมื่อการทดสอบวินิจฉัยเสร็จสิ้น ช่างเครื่องจะให้รายงานรายละเอียดปัญหาและการซ่อมแซมที่แนะนำแก่คุณ พวกเขาจะแจ้งราคาค่าซ่อมโดยประมาณให้คุณทราบด้วย
7. หากคุณยอมรับการซ่อมแซมที่แนะนำ ช่างจะดำเนินการต่อ หากคุณไม่ต้องการให้ซ่อมเสร็จ คุณสามารถขอความเห็นที่สองหรือหาช่างอื่นมาทำงานกับรถของคุณ
ดังนั้น หากคุณกำลังประสบปัญหารถสตาร์ทไม่ติดและไม่แน่ใจถึงสาเหตุ ทางที่ดีควรให้ช่างวินิจฉัย เนื่องจากจะสามารถระบุปัญหาและแนะนำการซ่อมแซมที่เหมาะสมได้ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกช่างหรือร้านซ่อมที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์เพื่อให้แน่ใจว่าการวินิจฉัยและการซ่อมแซมเสร็จสิ้นอย่างถูกต้อง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับวิธีการแก้ปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ที่กระผมมองว่ามีประโยชน์มากๆ และได้นำมาฝากกันในวันนี้ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ กระผมหวังว่าคอนเทนท์นี้คงจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ
Source:
Atthachai Sriworabhat - Master’s of Education (M.Ed.) in Educational Management at Chulalongkorn University - Bachelor’s of Education (B.Ed.) in English Major at Silpakorn University